[โปสเตอร์ภาพยนตร์ ชื่อภาพยนตร์]

ลีโล & สติทช์ (2025)

ดราม่าตลกผจญภัยแอ็คชั่นไซไฟ

ลีโล่ เด็กหญิงชาวฮาวายผู้โดดเดี่ยว อาศัยอยู่กับพี่สาวชื่อนานี่ หลังจากสูญเสียพ่อแม่ไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ชีวิตของพวกเธอกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เมื่อนักสังคมสงเคราะห์ คอบร้า บับเบิลส์ ได้ให้เวลานานี่เพียง 3 วันเพื่อพิสูจน์ความสามารถในการดูแลลีโล่ ในคืนหนึ่ง ลีโล่อธิษฐานขอเพื่อน และสิ่งที่ตกลงมาจากฟ้าคือ สิ่งมีชีวิตทดลองทางพันธุกรรมหมายเลข 626 ที่ถูกสร้างมาเพื่อทำลายล้าง ลีโล่รับเลี้ยงสิ่งมีชีวิตนี้โดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสุนัข และตั้งชื่อให้ว่า “สติทช์” ในตอนแรก สติทช์เพียงใช้ลีโล่เป็นเกราะกำบังจากการตามล่าของสหพันธ์อวกาศ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความผูกพันระหว่างเด็กหญิงผู้โดดเดี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวจอมป่วนก็ได้ก่อตัวขึ้นภายใต้แนวคิด “โอฮานา” ของชาวฮาวาย ที่หมายถึงครอบครัว และครอบครัวจะไม่มีวันทอดทิ้งหรือลืมใครไว้ข้างหลัง

ผู้กำกับ: Dean Fleischer Camp
ความยาว: 108 นาที
วันฉาย: 11 พฤษภาคม 2568
คะแนน: 5/10
นักแสดงนำ: Billy Magnussen, Hannah Waddingham, Tia Carrere

จำได้ไหม…ไอ้เจ้าตัวสีฟ้าตาโต จอมทำลายล้าง แต่ดันน่าเอ็นดูพิลึก? กับเด็กหญิงชาวฮาวายแก้มยุ้ย ผมดำขลับ ผู้รักเอลวิสเป็นชีวิตจิตใจ? ใช่แล้วล่ะครับ เรากำลังพูดถึง ‘ลีโล & สติทช์‘ เต็มเรื่องหนังที่สอนให้เรารู้จักคำว่า ‘โอฮานา’ นั่นเอง แหม…แค่คิดถึงก็อดยิ้มไม่ได้แล้วสิ

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2002 ดิสนีย์ได้ปล่อยเจ้าสิ่งมีชีวิตทดลองหมายเลข 626 ออกมาสร้างความป่วนให้กับโลกภาพยนตร์ และตลอด 23 ปีที่ผ่านมา (เอ๊ะ นานขนาดนั้นแล้วเหรอเนี่ย?) ความอบอุ่นของเรื่องราวและตัวละครยังคงตราตรึงอยู่ในใจผู้ชมทุกเพศทุกวัย จนวันนี้ในปี 2025 เมื่อพูดถึงการ์ตูนดิสนีย์ที่ “ต้องดู” สักครั้งในชีวิต ผมกล้าพนันว่า “ลีโล & สติทช์” ต้องติดอันดับต้นๆ ของทุกคนแน่นอน

ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่หลงรักเรื่องราวนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ดูหนังเรื่องนี้เต็มเรื่อง และทุกครั้งที่กลับมาดูซ้ำ ก็ยังรู้สึกว่ามันให้อะไรใหม่ๆ เสมอ บางทีอาจเป็นเพราะเราโตขึ้น มุมมองเปลี่ยนไป แต่แก่นของเรื่องยังคงสั่นสะเทือนหัวใจได้ไม่เปลี่ยนแปลง

“โอฮานา” หมายถึงครอบครัว…และครอบครัวจะไม่ทอดทิ้งใคร

ชีวิตมีความท้าทายรออยู่สำหรับลีโล่ เด็กหญิงเหงาๆ ชาวฮาวาย ที่ใช้ชีวิตอยู่กับพี่สาววัย 19 ชื่อนานี่ สาวน้อยทั้งสองดิ้นรนต่อสู้เลี้ยงดูตนเอง หลังจากสูญเสียพ่อแม่ไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์

แต่อะไรๆ ไม่ได้ดำเนินไปอย่างสวยงามนัก เมื่อคอบร้า บับเบิลส์ นักสังคมสงเคราะห์จอมเครียดแวะมาเยี่ยม และพบว่าสถานการณ์ในบ้านไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่ เขาจึงเตือนนานี่ว่า เธอมีเวลาเหลืออีกแค่ 3 วันเท่านั้น ในอันที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าเหมาะสมแก่การทำหน้าที่ดูแลลีโล่ได้

และแล้วในเย็นวันนั้น ลีโล่ก็เห็นดาวตกผ่านหน้าต่างห้องนอน เธอจึงอธิษฐานขอ “ใครซักคนก็ได้มาเป็นเพื่อน ใครซักคนที่จะไม่วิ่งหนีหนูไป” ก่อนเสริมด้วยว่า “ท่านส่งเทวดามาให้หนูก็ได้ เทวดาที่น่ารักที่สุดที่ท่านมีอยู่น่ะค่ะ”

ดูเหมือนฟ้าจะเมตตา…หรือเปล่านะ? เพราะสิ่งที่ตกลงมาบนโลกกลับเป็นสิ่งมีชีวิตทดลองทางพันธุกรรมหมายเลข 626 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อก่อความวุ่นวายและทำลายล้าง แต่ด้วยความบังเอิญ (หรืออาจเป็นโชคชะตา?) ลีโล่ได้พบกับสิ่งมีชีวิตประหลาดนี้ที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสุนัข และตั้งชื่อให้ว่า “สติทช์”

ในช่วงแรก สติทช์ใช้ความสัมพันธ์กับลีโล่เพียงเพื่อหลบหนีการจับกุมจากสหพันธ์อวกาศ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความผูกพันระหว่างเด็กหญิงผู้โดดเดี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้น ผ่านแนวคิดของชาวฮาวายที่ว่า “โอฮานา” ซึ่งหมายถึงครอบครัว และครอบครัวแปลว่าเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หรือถูกลืม

ว่ากันตามตรงนะ การผจญภัยของเจ้าหมาต่างดาว (ที่ใครๆ ก็ว่าไม่น่ารักเอาซะเลย) กับเด็กหญิงผู้รู้สึกแปลกแยก จะทำให้คุณอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ชมแบบเต็มเรื่อง และเข้าใจว่า ‘บ้าน’ ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเสมอไป แต่ที่ไหนมีความรัก ที่นั่นก็คือบ้าน

ส่องจักรวาล ลีโล & สติทช์ ตัวละครสุดอลวน…แต่น่ารักทุกคนนะจะบอกให้!

ลีโล่ เปเลไก – เด็กหญิงชาวฮาวายที่มีบุคลิกแปลกประหลาดและมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก โดยเฉพาะหลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิต ทำให้เธอถูกเพื่อนๆ รังเกียจและแปลกแยก แต่นั่นแหละที่ทำให้เธอเป็นเพื่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับสติทช์! ลีโล่ชอบถ่ายรูปนักท่องเที่ยว (โดยเฉพาะคนอ้วน) พูดถึงสิ่งมีชีวิตจากหนังสยองขวัญ/ไซไฟ และที่สำคัญเธอเป็นแฟนตัวยงของเอลวิส เพรสลีย์ น่ารักจะตายไป!

สติทช์ (ทดลองหมายเลข 626) – จากสัตว์ทดลองจอมทำลายล้างที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อก่อความวุ่นวาย กลายเป็นสมาชิกขนฟู (บ้างไม่ฟูบ้าง) คนสำคัญของครอบครัว ผู้เรียนรู้ที่จะรัก เจ้าตัวสีฟ้าตัวป่วนนี่แหละที่จะทำให้คุณหัวเราะและซึ้งใจไปพร้อมๆ กัน

นานี่ เปเลไก – พี่สาววัย 19 ปีของลีโล่ ที่ต้องแบกรับภาระหนักอึ้งในการเลี้ยงดูน้องสาวและหาเลี้ยงครอบครัว เธอรักลีโล่อย่างสุดหัวใจแต่ก็ไม่ได้เข้าใจน้องเสมอไป นานี่มักจะเป็นเสียงแห่งเหตุผลและคำแนะนำในเรื่อง และบางครั้งก็…เอ่อ…ไม่ค่อยนุ่มนวลเท่าไหร่ แต่ใครจะโทษเธอได้ล่ะ! ลองดูสถานการณ์ที่เธอต้องเผชิญสิ!

ดร.จัมบา จูกิบา & เอเยนต์เวนดี้ พลีคลีย์ – คู่หูต่างดาวสุดฮาที่มาพร้อมภารกิจจับสติทช์ แต่ดันกลายเป็นส่วนหนึ่งของความป่วนและบทเรียนชีวิตเสียเอง จัมบาเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะผู้สร้างสติทช์ ส่วนพลีคลีย์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโลก (ที่ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเท่าไหร่) ทั้งคู่สร้างสีสันให้กับเรื่องได้อย่างน่าทึ่ง

คอบร้า บับเบิลส์ – นักสังคมสงเคราะห์จอมเครียดที่คอยติดตามดูแลลีโล่และนานี่ แต่ความจริงแล้วเขาเคยเป็นเจ้าหน้าที่ CIA มาก่อน! ใครจะไปคิดล่ะเนี่ย ว่าชายในชุดสูทดำและแว่นตาดำจะมีหัวใจที่อบอุ่นซ่อนอยู่

เมอร์เทิล เอดมอนด์ส – คู่ปรับหลักของลีโล่ เธอเป็นเด็กสาวที่ได้รับความนิยมและเป็นผู้นำของกลุ่มเพื่อนในชั้นเรียนฮูล่า เมอร์เทิลชอบเรียกลีโล่ว่า “Weirdlo” และปฏิเสธที่จะให้ลีโล่เข้าร่วมกิจกรรมกับพวกเธอ เอาจริงๆ นะ เด็กคนนี้น่าหมั่นไส้ที่สุด! แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนั้น

แต่ละตัวละครนี่นะ…มีมิติ มีสีสัน จนอยากจะกอดทุกคน! ใครที่ได้ดูหนัง ลีโล & สติทช์ ก็คงอดหลงรักพวกเขาไม่ได้หรอก ว่าไหมล่ะครับ?

ไม่ใช่แค่การ์ตูนเด็กดู…แต่คือบทเรียนชีวิตที่ผู้ใหญ่ก็ซึ้งได้

คิดๆ ดูแล้วก็น่าแปลกใจนะ ที่หนังการ์ตูนเรื่องหนึ่งสามารถสอดแทรกแง่คิดลึกซึ้งได้มากมายขนาดนี้ “ลีโล & สติทช์” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวความน่ารักของเด็กกับสัตว์เลี้ยง แต่มันแฝงไปด้วยบทเรียนชีวิตที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถเรียนรู้ได้

การยอมรับในความแตกต่าง – ทั้งลีโล่และสติทช์ต่างก็เป็น “ตัวประหลาด” ในสายตาของคนรอบข้าง ลีโล่ถูกเพื่อนๆ ล้อเลียนและกีดกัน ส่วนสติทช์ก็ถูกมองว่าเป็น “ความผิดพลาด” แต่ทั้งคู่ได้พบกันและยอมรับในตัวตนของกันและกัน สอนให้เราเห็นว่า ไม่ว่าเราจะแปลกแค่ไหน ก็ยังมีที่ทางสำหรับเราในโลกใบนี้เสมอ

ความสำคัญของครอบครัว – “โอฮานา” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สายเลือดเดียวกัน แต่หมายถึงคนที่เรารักและรักเรา ครอบครัวของลีโล่เริ่มต้นจากเธอกับนานี่ แล้วค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนรวมถึงสติทช์ จัมบา พลีคลีย์ และแม้แต่คอบร้า มันสอนให้เรารู้ว่า ครอบครัวคือคนที่อยู่เคียงข้างเราในยามยาก ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากไหนก็ตาม

การเยียวยาบาดแผลในใจ – ลีโล่สูญเสียพ่อแม่ไป ทำให้เธอมีบาดแผลในใจและแสดงออกผ่านพฤติกรรมที่ก้าวร้าวบ้าง แปลกแยกบ้าง แต่ผ่านความสัมพันธ์กับสติทช์และครอบครัวใหม่ของเธอ บาดแผลเหล่านั้นก็ค่อยๆ ได้รับการเยียวยา สอนให้เรารู้ว่า เวลาและความรักสามารถรักษาแผลใจได้

โอกาสครั้งที่สอง – สติทช์ถูกสร้างมาเพื่อทำลาย แต่เขาได้รับโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และสุดท้ายก็พิสูจน์ได้ว่า แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ถูกโปรแกรมให้เป็นอย่างหนึ่ง ก็สามารถเลือกเป็นอีกอย่างได้ ถ้ามีความรักและการยอมรับ

ใครว่านี่เป็นแค่การ์ตูนให้เด็กดูหนังจบแล้วจะรู้ว่าผู้ใหญ่อย่างเราๆ นี่แหละ ที่อาจจะน้ำตาซึมไปกับมันได้ง่ายๆ…เอ๊ะ หรือผมอินไปคนเดียว?

ลีโล & สติทช์ เสน่ห์ที่ไม่เคยจาง…กาลเวลาทำอะไรเธอไม่ได้จริงๆ

23 ปีผ่านไป แต่เสน่ห์ของ “ลีโล & สติทช์” ยังคงอยู่ ไม่เคยจางหาย จนทำให้ดิสนีย์ตัดสินใจสร้างเวอร์ชั่นคนแสดงขึ้นมาในปี 2025 นี้ แล้วอะไรกันนะที่ทำให้หนังเรื่องนี้ยังคงครองใจผู้ชมได้ยาวนานขนาดนี้?

งานภาพสีน้ำอันเป็นเอกลักษณ์ – “ลีโล & สติทช์” มีสไตล์การวาดที่โดดเด่นด้วยเทคนิคสีน้ำ ให้ความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวล และมีชีวิตชีวา ฉากหลังที่เป็นเกาะฮาวายก็ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงาม ชวนให้อยากไปเยือนสักครั้ง

เพลงประกอบสุดไพเราะ – ใครจะลืมเพลงของ “เดอะ คิง” เอลวิส เพรสลีย์ ที่แทรกเข้ามาในหนังได้ล่ะ? ทั้ง “Heartbreak Hotel”, “Burning Love” และโดยเฉพาะ “Can’t Help Falling in Love” ที่ลีโล่และนานี่ร้องด้วยกัน มันช่างเข้ากับเรื่องราวได้อย่างลงตัวเหลือเชื่อ

มุกตลกที่ทั้งน่ารักและเข้าถึงง่าย – ความตลกของสติทช์ไม่ได้มาจากมุกที่ซับซ้อน แต่มาจากความเป็นธรรมชาติและความจริงใจ บวกกับการแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางที่เกินบรรยาย เห็นแล้วอดขำไม่ได้จริงๆ

ตัวละครที่มีเสน่ห์ – แต่ละตัวละครในเรื่องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นลีโล่ที่แปลกแต่น่ารัก นานี่ที่เข้มแข็งแต่อ่อนโยน จัมบาและพลีคลีย์ที่ตลกแต่น่าเอ็นดู หรือแม้แต่คอบร้าที่ดูเข้มงวดแต่มีใจเมตตา ทุกตัวละครล้วนมีมิติและพัฒนาการที่น่าติดตาม

เสน่ห์ของ “ลีโล & สติทช์” มันอยู่ที่ความจริงใจนี่แหละครับ ดูวนกี่รอบก็ยังรู้สึกดี…อยากให้ทุกคนได้ลองหามาชมเต็มเรื่อง แล้วจะเข้าใจความรู้สึกนี้

กลับไป “โอฮานา” ด้วยกันอีกครั้ง…วันนี้ที่ไหนดี?

ข่าวดีก็คือ…สมัยนี้การจะดูหนัง “ลีโล & สติทช์” แบบเต็มเรื่อง น่ะง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีกครับ! แค่คลิกไม่กี่ที ความสุขก็มาเสิร์ฟถึงหน้าจอแล้ว

ปัจจุบัน คุณสามารถดูหนัง “ลีโล & สติทช์” เต็มเรื่องได้ที่โรงภาพยนตร์ใกล้บ้าน และในอนาคตเชื่อได้เลยว่าคุณจะสามารถรับชมได้บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Disney+ Hotstar ซึ่งมีทั้งเวอร์ชั่นดั้งเดิมที่เป็นแอนิเมชั่นปี 2002 และภาคต่อๆ มาให้ได้ดูกันแบบจุใจ

และถ้าคุณสนใจเวอร์ชั่นคนแสดง (Live-Action) ที่กำลังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2025 นี้ ก็อย่าลืมไปจองตั๋วล่วงหน้ากันนะครับ เพราะกระแสตอบรับดีมากๆ จนตั๋วรอบแรกๆ ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า!

เวอร์ชั่นใหม่นี้ได้นักแสดงหน้าใหม่อย่าง มายา คีอาโลฮา มารับบทลีโล่ และที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กันคือ คริส แซนเดอร์ส ผู้สร้างตัวละครสติทช์ดั้งเดิม ก็กลับมาให้เสียงสติทช์อีกครั้ง! แฟนๆ ตัวจริงห้ามพลาดเด็ดขาด!

คำเชื้อเชิญจากใจ…แด่ทุกหัวใจที่ต้องการ “โอฮานา”

ผ่านไปกว่าสองทศวรรษ แต่บทเรียนจาก “ลีโล & สติทช์” ยังคงทันสมัยและจำเป็นสำหรับทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะในโลกที่เต็มไปด้วยความแตกแยกและความเหงาอย่างทุกวันนี้

บางที โลกที่หมุนเร็วและวุ่นวายใบนี้ อาจต้องการ “โอฮานา” แบบที่ “ลีโล & สติทช์” มอบให้เราบ้างก็ได้นะครับ…ว่าแล้วก็ขอตัวไปหาดูหนังเรื่องนี้อีกสักรอบดีกว่า อดใจไม่ไหวจริงๆ!

และจำไว้นะครับ… “โอฮานา หมายถึงครอบครัว และครอบครัวหมายถึงไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง หรือถูกลืม” คำพูดสั้นๆ แต่ทรงพลังนี้ จะอยู่ในใจเราตลอดไป เหมือนกับตัวหนังเรื่องนี้ที่จะเป็นคลาสสิกตลอดกาล

เรื่องที่เกี่ยวข้อง